วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การคมนาคม

การคมนาคมทางน้ำ

ผู้คนในบางส่วนใหญ่จะสร้างบ้านอยู่ติดกับคลองต่างๆ  เพื่อการสัญจร  และประกอบอาชีพที่สะดวกสบายผู้คนจิตใจดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส   เรือส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านใช้กันมักจะเป็นเรือหางยาว  ซึ่งก็พบเห็นได้ทั่วไป

คลองร้อยสาย


คลองร้อยสาย  สุราษฎร์ธานี

คลองร้อยสายอยู่ใกล้ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี  โดยใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ  15  นาที  เป็นชุมชนชนบทที่แฝงอยู่ในเมืองและเอกลักษณ์ไทยแบบดั้งเดิม  มีวิถีชีวิตเรียบง่ายและมีธรรมชาติสองฝั่งคลองที่เต็มไปด้วยพืชน้ำ  และต้นจาก

ประชาชนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง  และทำสวน  การคมนาคมเดินทางได้ทั้งทางบกและทางน้ำ


วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ในบาง สุราษฎร์ธานี

ในบาง  สุราษฎร์ธานี


กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นชุมชนที่มีคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยสายจึงได้รับการขนานนามว่า "คลองร้อยสาย" ประกอบไปด้วยพื้นที่ 6 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ได้แก่ตำบลบางใบไม้ บางชนะ   คลองฉนาก บางไทร คลองน้อย และบางโพธิ์ 

ขอบคุณที่มา  http://www.oknation.net/blog/TD-stou/2009/05/02/entry-1
แบบสอบถามออนไลน์

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว

ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว



ภาพที่  1

ปะการัง เปรียบเสมือนบ้านของสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลเดียว ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเนื้อเยื่อปะการังดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมภายนอกของบ้านหรือปัจจัยทางกายภาพของสภาพแวดล้อมที่ปะการังอาศัยอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนไม่ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต เช่น การที่อุณหภูมิของน้ำหรือระดับ ความเค็มของน้ำสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าสภาวะปกติ ส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีไม่สามารถอาศัยอยู่ในปะการังได้อีกต่อไป จึงจำเป็น ต้องออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการัง เข้าสู่มวลน้ำเพื่อหาบ้านใหม่ ที่ให้ตนเองสามารถเข้าไปอาศัยและดำรงชีวิตต่อไปได้ ปะการังที่ปราศจากสาหร่ายเหล่านี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รับพลังงานเสริมที่เพียงพอ ในการดำรงชีวิต หากสถานการณ์ดำรงเช่นนี้ต่อไป ปะการังก็จะตาย ไปในที่สุด เมื่อสาหร่ายซูแซนเทลลี ซึ่งเป็นสีสันของปะการังออก จากตัวปะการังไปแล้ว ปะการังก็จะกลับคืนมาเป็นสีขาว ซึ่งคือสีของปะการังเอง ดังนั้น ปรากฏการณ์ที่ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกจากปะการัง จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (coral bleaching)
ทั้งนี้ปะการังที่เกิดการฟอกขาวก็สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ หากสาหร่ายซูแซนเทลลีเหล่านี้กลับเข้าสู่ปะการังอีก ซึ่งเกิดขึ้นได้ เมื่อปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงกลับคืนสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม หากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และระยะเวลายาวต่อเนื่องกัน การฟื้นตัวของปะการังโดยธรรมชาติมีโอกาสเป็นไปได้ต่ำ หรือไม่มีเลย โดยทั่วไป ปะการังแข็งสามารถดำรงชีวิตโดยปราศจากสาหร่ายซูแซนเทลลีได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ดังนั้น หากสาหร่ายซูแซนเทลลีไม่กลับเข้าสู่ปะการังในช่วงเวลาดังกล่าว ปะกาะรังเหล่านั้นก็จะตายในที่สุด


ภาพที่  2


การฟิ้นฟูปะการังฟอกขาว

โอกาสการฟื้นตัวของ ปะการังฟอกขาว ขึ้นอยู่กับสภาพปะการังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ ความรุนแรงของการฟอกขาว ปริมาณและความหลากหลายของชนิดปะการังที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น ๆ การกระจายตัวอ่อนจากบริเวณใกล้เคียง และที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตของปะการัง

             โดยมีข้อมูลยืนยันว่า ปะการังฟอกขาวฟื้นตัวได้ หากสภาพสิ่งแวดล้อมกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งลักษณะการฟื้นตัวของปะการังฟอกขาว อาจเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ...             1. ปะการังที่ฟอกขาวสามารถทนสภาพที่อ่อนแอได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง หากอุณหภูมิน้ำลดลง ปะการังที่ฟอกขาวอยู่นั้นก็สามารถดึงสาหร่ายซูแซนเทลลี่สามารถกลับเข้าสู่ เนื้อเยื่อ  และสามารถฟื้นตัวมีสีดังเดิม  กระบวนการฟื้นตัวของแนวปะการังแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้เร็วภายใน 2-3 เดือน เมื่ออุณหภูมิลดลงสู่สภาพปกติ (อุณหภูมิลดลงได้เนื่องจากลมมรสุมเข้าหรือมี เมฆฝนมาก) แต่หากสภาพแวดล้อมยังไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ปะการังบางชนิดจะเริ่มตายลง โดยสามารถสังเกตได้จากเริ่มเห็นสาหร่ายและตะกอนที่ขึ้นคลุมปะการัง

             2. กรณีที่ปะการังที่ฟอกขาวได้ตายไป พื้นที่ แนวปะการังที่เสื่อมโทรมลงจากการตายของปะการังเนื่องจากการฟอกขาวก็ ยังสามารถฟื้นตัวได้ โดยมีตัวอ่อนปะการังเข้ามาเกาะในพื้นที่ หรือปะการังบางชนิดที่ยังเหลืออยู่ค่อย ๆ เจริญเติบโตครอบคลุมแนวปะการัง กระบวนการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย แนวปะการังจึงกลับมามีสภาพดีดังเดิม

             ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า พื้นที่นั้นต้องมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม มีคุณภาพน้ำดี เช่น น้ำใสสะอาด ปราศจากการรบกวนของกิจกรรมของมนุษย์ มีพื้นแข็งสำหรับตัวอ่อนปะการังลงยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโต มีระบบนิเวศที่ยังอยู่ในสภาพสมดุล ไม่มีการจับปลาหรือสัตว์ที่กินสาหร่ายออกจากพื้นที่มากเกินไป เนื่องจากสาหร่ายที่คลุมตามพื้นจะทำให้ตัวอ่อนของปะการังไม่สามารถลงเกาะได้ รวมทั้งแก่งแย่งพื้นที่การเจริญเติบโตของปะการัง

             อย่างไรก็ตาม หากสมดุลของระบบนิเวศสูญเสียไป การฟื้นตัวของแนวปะการังจะเกิดขึ้นได้ช้ามาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ซึ่งในปัจจุบันการฟื้นตัวของปะการังในหลาย ๆ พื้นที่ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีผลกระทบของมนุษย์เข้าไปซ้ำเติมต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการพัฒนาค่อนข้างเยอะและรุนแรง อย่างเช่น เกาะช้าง เกาะสมุย ซึ่งเป็นเกาะที่มีการตัดถนน ทำรีสอร์ท ทำให้ตะกอนลงทะเล ขณะเดียวกัน การขยายตัวของนักท่องเที่ยวทำให้เกิดการควบคุมที่ไม่ดี สองแห่งนี้จึงน่าเป็นห่วงที่สุด

             และถ้าทุกอย่างไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวของปะการัง มันก็จะตายลงและจะมีสาหร่ายมาขึ้นแทน จากนั้นก็จะเปลี่ยนสถานะจากแนวปะการังที่เป็นสีสันแห่งท้องทะเล กลายเป็นแนวหินโสโครกแทน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนปลา สูญเสียแหล่งความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในทะเล ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำลดลง หรือสูญหายไปจากหลายพื้นที่ รวมไปถึงการกัดเซาะชายฝั่ง ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อภาคการประมง และการท่องเที่ยวด้วย  

             แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีว่า จากการสำรวจเบื้องต้นที่เกาะพีพี จ.กระบี่ พบว่าขณะนี้ปะการังโขดซึ่งเกิดการฟอกขาวนั้นได้มีการฟื้นตัวกลับมาแล้วประมาณ 50% ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ก็เช่นกัน ขณะที่ปะการังเขากวางนั้นไม่พบว่ามีการฟื้นตัวกลับมา คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เนื่องจากมีความเสียหายค่อนข้างมาก  


ภาพที่  3

เยียวยา ปะการังฟอกขาว ทำอย่างไร ?

             การดำเนินการและการจัดการพื้นที่แนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากการฟอกขาว ควรส่งเสริมการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการัง ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
             - การงดกิจกรรมใด ๆ ที่รบกวนปะการัง
             - เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ประโยชน์จากแนวปะการัง โดยเฉพาะระยะแรกๆ หลังการเกิดฟอกขาว

             - ในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม

             - ในระยะยาวที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการัง การเข้าฟื้นฟูโดยมนุษย์อาจกระทำได้โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละบริเวณ และควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

             - ควรเฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่สามารถต้านทาน หรือทนทาน ต่อการเกิดปะการังฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนของปะการังตามธรรมชาติ

             - มาตรการระยะยาวที่ต้องทำ คือ การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงภาวะคุกคามต่อแนวปะการัง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน

             แม้ว่าสาเหตุหลักของ ปะการังฟอกขาว จะเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น แต่หากเราทุกคนไม่เพิ่มภาระให้ด้วยการเหยียบปะการัง ให้อาหารปลา หรือทิ้งอาหารเหลือลงทะเล รวมถึงช่วยกันใส่ใจดูแล ปะการังสวย ๆ ก็จะยังเป็นสมบัติล้ำค่าของท้องทะเลไทยต่อไปอีกนานเท่านาน

ขอบคุณที่มา