วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แพ

แพ
แพก็เป็นการคมาคมอย่างหนึ่งของคนในบาง  แต่ไม่ค่อยนิยมมานัก  เนื่องจากไม่ค่อยมาความแข็งแรงโดยส่วนใหญ่จะใช้ข้ามฝั่งไปมาหาสู่กัน  แพที่นิยมคือ  แพไม้ไผ่  บ้างก็ใช้แพจากต้นกล้วย  หรือใช้โฟมขนาดใหญ่แทน


ส่วนประกอบของเรือ

ส่วนประกอบของเรือ
-  สันท้องเรือด้านหน้า
-  ผนังด้านในท้องเรือ
-  ด้านฟ้าเรือ
-  ท้องเรือ
-  กราบเรือ
-  ครีบท้องเรือ
-  คานยึดครีบท้องเรือ
-  หางเสือ
-  ท้ายเรือ

ที่มาของเรือ

เรือ เป็นยานพาหนะที่ใช้เดินทางทางน้ำ เรือโดยทั่วไปโครงสร้างประกอบด้วยตัวเรือเป็นโครงสร้างที่สามารถลอยน้ำได้ (ซึ่งอาจเป็นส่วนเดียวหรือสองส่วนขนาดกันก็ได้ แต่ไม่รวมถึงแพซึ่งปกติโครงสร้างลอยน้ำจะทำจากกระบอกกลวงหลายๆท่อนผูกติดกัน) กับ ส่วนที่เป็นการขับเคลื่อนของเรือ เช่น ไม้พาย (เรือพาย หรือ เรือแจว) เครื่องยนต์หางยาว (เรือหางยาว) ใบเรือ (เรือใบ) เป็นต้น
อาร์คิมีดีส ค้นพบหลักที่ทำให้สิ่งต่างๆลอยได้ เริ่มต้นจากเขาโดดลงอ่างอาบน้ำ และสังเกตว่า น้ำจะกระฉอนออกไป ขณะที่เรือลอยอยู่ในน้ำ เรือก็"แทนที่"น้ำในรูปแบบเดียวกัน และยังค้นพบอีกว่า น้ำส่วนที่เรือเข้าไปแทนที่จะต้านกลับด้วยแรงที่เท่ากับน้ำหนักของเรือ ความหนาแน่นของเรือเป็นสิ่งสำคัญ ความหนาแน่นคือ น้ำหนักวัตถุที่วัดได้ต่อหนึ่งปริมาตรของวัตถุนั้น หากเรือหรือวัตถุใดๆก็ตามมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ สิ่งนั้นจะลอยได้ แต่หากวัตถุมีความหนาแน่นมากกว่าก็จะจม

เรือพาย



เรือพาย หรือเรือที่เคลื่อนที่ด้วยการใช้พายหรือไม้พาย เป็นแรงส่งให้เกิดการเคลื่อนที่ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กนั่งได้3-5คน

            ผลิตจากไฟเบอร์กลาสเสริมแรงด้วยใยแก้วคุณภาพสูง(FRP)คุณสมบัติเด่น น้ำหนักเบา ผิวเรียบมัน แข็งแรง ทนทานสองที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยแรงคน ภายนอกผิวตัวเรือใช้เจลโค้ตไฟเบอร์กลาส (GEL COAT)ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ผิวเรียบ สีสันสวยงาม ผิวเรียบมัน  ทนการขีดข่วนได้ ผิวเรียบมีหลายแบบให้เลือก

เรือไฟเบอร์

เรือไฟเบอร์

 โครงสร้างผลิตจากจากวัสดุไฟเบอร์กลาสเสริมแรง โดยขึ้นรูปโดยกระบวนการHand Lay up(งานหล่อ)ซึ่งเรือไฟเบอร์กลาสมีคุณสมบัติเด่นที่ ความแข็งแรง เบากว่าเรือเหล็กแต่หนักกว่าเรือไม้ และทนทานต่อแสงแดด ทนฝน ไม่ดูดซึมน้ำ ทนต่อทุกสภาวะอากาศร้อนหนาว  ทนการกัดกร่อนของน้ำทะเล และสารเคมี อายุการใช้งานนานนับสิบปี ตัวเรือรับนำหนักได้ดี การขับหรือบังคับทิศทางทำได้ง่าย  และในกรณีสุดวิสัยสามารถซ่อมได้

ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านชุมชมในบางเริ่มมีการหันมาใช้เรือประเภทนี้กันมากขึ้น

เรือกับการคมนาคมทางน้ำ

เรือกับการคมนาคมทางน้ำ
การคมนาคมทางน้ำ เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ชาวกรีกเป็นชนชาติที่เดินเรือค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ในทะเลอิเจียน รอบๆ ประเภทกรีซในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเดินเรือติดต่อกับอาณาจักรโรมันและเมืองอื่นๆ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาเหนือ ชาวโรมันก็เป็นอีกชนชาติหนึ่งที่เดินเรือค้าขายติดต่อกับประเทศต่างๆ ในดินแดนดังกล่าวมาแล้ว ทะเลเมดิเตอร์ เรเนียนเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของชาวโรมัน ในประวัติศาสตร์ก่อนค.ศ. 500 – ค.ศ.500 ชนชาติกรีกโรมันและโรมันเป็นนักเดินเรือค้าขายทั้งภายในและระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด

เรือ

เรือ
¨สำหรับในแม่น้ำ ลำคลองหรือการสัญจรทางเรือในแผ่นดิน (Inland Waterways) ก็มีเรือหลายประเภท แล่นรับส่งสินค้า ผู้โดยสาร รวมทั้งนักท่องเที่ยว เรือบางประเภทจัดเป็นเรือนำเที่ยวโดยเฉพาะ โดยมีเจ้าหน้าที่ของเรือเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม และรายการบันเทิงอื่นๆ ตลอดเวลาที่เรือแล่นไปตามสายน้ำ

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การคมนาคม

การคมนาคมทางน้ำ

ผู้คนในบางส่วนใหญ่จะสร้างบ้านอยู่ติดกับคลองต่างๆ  เพื่อการสัญจร  และประกอบอาชีพที่สะดวกสบายผู้คนจิตใจดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส   เรือส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านใช้กันมักจะเป็นเรือหางยาว  ซึ่งก็พบเห็นได้ทั่วไป

คลองร้อยสาย


คลองร้อยสาย  สุราษฎร์ธานี

คลองร้อยสายอยู่ใกล้ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี  โดยใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ  15  นาที  เป็นชุมชนชนบทที่แฝงอยู่ในเมืองและเอกลักษณ์ไทยแบบดั้งเดิม  มีวิถีชีวิตเรียบง่ายและมีธรรมชาติสองฝั่งคลองที่เต็มไปด้วยพืชน้ำ  และต้นจาก

ประชาชนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง  และทำสวน  การคมนาคมเดินทางได้ทั้งทางบกและทางน้ำ


วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ในบาง สุราษฎร์ธานี

ในบาง  สุราษฎร์ธานี


กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นชุมชนที่มีคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยสายจึงได้รับการขนานนามว่า "คลองร้อยสาย" ประกอบไปด้วยพื้นที่ 6 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ได้แก่ตำบลบางใบไม้ บางชนะ   คลองฉนาก บางไทร คลองน้อย และบางโพธิ์ 

ขอบคุณที่มา  http://www.oknation.net/blog/TD-stou/2009/05/02/entry-1
แบบสอบถามออนไลน์

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว

ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว



ภาพที่  1

ปะการัง เปรียบเสมือนบ้านของสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลเดียว ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเนื้อเยื่อปะการังดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมภายนอกของบ้านหรือปัจจัยทางกายภาพของสภาพแวดล้อมที่ปะการังอาศัยอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนไม่ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต เช่น การที่อุณหภูมิของน้ำหรือระดับ ความเค็มของน้ำสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าสภาวะปกติ ส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีไม่สามารถอาศัยอยู่ในปะการังได้อีกต่อไป จึงจำเป็น ต้องออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการัง เข้าสู่มวลน้ำเพื่อหาบ้านใหม่ ที่ให้ตนเองสามารถเข้าไปอาศัยและดำรงชีวิตต่อไปได้ ปะการังที่ปราศจากสาหร่ายเหล่านี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รับพลังงานเสริมที่เพียงพอ ในการดำรงชีวิต หากสถานการณ์ดำรงเช่นนี้ต่อไป ปะการังก็จะตาย ไปในที่สุด เมื่อสาหร่ายซูแซนเทลลี ซึ่งเป็นสีสันของปะการังออก จากตัวปะการังไปแล้ว ปะการังก็จะกลับคืนมาเป็นสีขาว ซึ่งคือสีของปะการังเอง ดังนั้น ปรากฏการณ์ที่ทำให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกจากปะการัง จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (coral bleaching)
ทั้งนี้ปะการังที่เกิดการฟอกขาวก็สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ หากสาหร่ายซูแซนเทลลีเหล่านี้กลับเข้าสู่ปะการังอีก ซึ่งเกิดขึ้นได้ เมื่อปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงกลับคืนสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม หากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และระยะเวลายาวต่อเนื่องกัน การฟื้นตัวของปะการังโดยธรรมชาติมีโอกาสเป็นไปได้ต่ำ หรือไม่มีเลย โดยทั่วไป ปะการังแข็งสามารถดำรงชีวิตโดยปราศจากสาหร่ายซูแซนเทลลีได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ดังนั้น หากสาหร่ายซูแซนเทลลีไม่กลับเข้าสู่ปะการังในช่วงเวลาดังกล่าว ปะกาะรังเหล่านั้นก็จะตายในที่สุด


ภาพที่  2


การฟิ้นฟูปะการังฟอกขาว

โอกาสการฟื้นตัวของ ปะการังฟอกขาว ขึ้นอยู่กับสภาพปะการังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ ความรุนแรงของการฟอกขาว ปริมาณและความหลากหลายของชนิดปะการังที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น ๆ การกระจายตัวอ่อนจากบริเวณใกล้เคียง และที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตของปะการัง

             โดยมีข้อมูลยืนยันว่า ปะการังฟอกขาวฟื้นตัวได้ หากสภาพสิ่งแวดล้อมกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งลักษณะการฟื้นตัวของปะการังฟอกขาว อาจเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ...             1. ปะการังที่ฟอกขาวสามารถทนสภาพที่อ่อนแอได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง หากอุณหภูมิน้ำลดลง ปะการังที่ฟอกขาวอยู่นั้นก็สามารถดึงสาหร่ายซูแซนเทลลี่สามารถกลับเข้าสู่ เนื้อเยื่อ  และสามารถฟื้นตัวมีสีดังเดิม  กระบวนการฟื้นตัวของแนวปะการังแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้เร็วภายใน 2-3 เดือน เมื่ออุณหภูมิลดลงสู่สภาพปกติ (อุณหภูมิลดลงได้เนื่องจากลมมรสุมเข้าหรือมี เมฆฝนมาก) แต่หากสภาพแวดล้อมยังไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ปะการังบางชนิดจะเริ่มตายลง โดยสามารถสังเกตได้จากเริ่มเห็นสาหร่ายและตะกอนที่ขึ้นคลุมปะการัง

             2. กรณีที่ปะการังที่ฟอกขาวได้ตายไป พื้นที่ แนวปะการังที่เสื่อมโทรมลงจากการตายของปะการังเนื่องจากการฟอกขาวก็ ยังสามารถฟื้นตัวได้ โดยมีตัวอ่อนปะการังเข้ามาเกาะในพื้นที่ หรือปะการังบางชนิดที่ยังเหลืออยู่ค่อย ๆ เจริญเติบโตครอบคลุมแนวปะการัง กระบวนการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย แนวปะการังจึงกลับมามีสภาพดีดังเดิม

             ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า พื้นที่นั้นต้องมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม มีคุณภาพน้ำดี เช่น น้ำใสสะอาด ปราศจากการรบกวนของกิจกรรมของมนุษย์ มีพื้นแข็งสำหรับตัวอ่อนปะการังลงยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโต มีระบบนิเวศที่ยังอยู่ในสภาพสมดุล ไม่มีการจับปลาหรือสัตว์ที่กินสาหร่ายออกจากพื้นที่มากเกินไป เนื่องจากสาหร่ายที่คลุมตามพื้นจะทำให้ตัวอ่อนของปะการังไม่สามารถลงเกาะได้ รวมทั้งแก่งแย่งพื้นที่การเจริญเติบโตของปะการัง

             อย่างไรก็ตาม หากสมดุลของระบบนิเวศสูญเสียไป การฟื้นตัวของแนวปะการังจะเกิดขึ้นได้ช้ามาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ซึ่งในปัจจุบันการฟื้นตัวของปะการังในหลาย ๆ พื้นที่ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีผลกระทบของมนุษย์เข้าไปซ้ำเติมต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการพัฒนาค่อนข้างเยอะและรุนแรง อย่างเช่น เกาะช้าง เกาะสมุย ซึ่งเป็นเกาะที่มีการตัดถนน ทำรีสอร์ท ทำให้ตะกอนลงทะเล ขณะเดียวกัน การขยายตัวของนักท่องเที่ยวทำให้เกิดการควบคุมที่ไม่ดี สองแห่งนี้จึงน่าเป็นห่วงที่สุด

             และถ้าทุกอย่างไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวของปะการัง มันก็จะตายลงและจะมีสาหร่ายมาขึ้นแทน จากนั้นก็จะเปลี่ยนสถานะจากแนวปะการังที่เป็นสีสันแห่งท้องทะเล กลายเป็นแนวหินโสโครกแทน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนปลา สูญเสียแหล่งความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในทะเล ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำลดลง หรือสูญหายไปจากหลายพื้นที่ รวมไปถึงการกัดเซาะชายฝั่ง ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อภาคการประมง และการท่องเที่ยวด้วย  

             แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีว่า จากการสำรวจเบื้องต้นที่เกาะพีพี จ.กระบี่ พบว่าขณะนี้ปะการังโขดซึ่งเกิดการฟอกขาวนั้นได้มีการฟื้นตัวกลับมาแล้วประมาณ 50% ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ก็เช่นกัน ขณะที่ปะการังเขากวางนั้นไม่พบว่ามีการฟื้นตัวกลับมา คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เนื่องจากมีความเสียหายค่อนข้างมาก  


ภาพที่  3

เยียวยา ปะการังฟอกขาว ทำอย่างไร ?

             การดำเนินการและการจัดการพื้นที่แนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากการฟอกขาว ควรส่งเสริมการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการัง ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
             - การงดกิจกรรมใด ๆ ที่รบกวนปะการัง
             - เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ประโยชน์จากแนวปะการัง โดยเฉพาะระยะแรกๆ หลังการเกิดฟอกขาว

             - ในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม

             - ในระยะยาวที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการัง การเข้าฟื้นฟูโดยมนุษย์อาจกระทำได้โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละบริเวณ และควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

             - ควรเฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่สามารถต้านทาน หรือทนทาน ต่อการเกิดปะการังฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนของปะการังตามธรรมชาติ

             - มาตรการระยะยาวที่ต้องทำ คือ การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงภาวะคุกคามต่อแนวปะการัง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน

             แม้ว่าสาเหตุหลักของ ปะการังฟอกขาว จะเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น แต่หากเราทุกคนไม่เพิ่มภาระให้ด้วยการเหยียบปะการัง ให้อาหารปลา หรือทิ้งอาหารเหลือลงทะเล รวมถึงช่วยกันใส่ใจดูแล ปะการังสวย ๆ ก็จะยังเป็นสมบัติล้ำค่าของท้องทะเลไทยต่อไปอีกนานเท่านาน

ขอบคุณที่มา